top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนTuaYim

หม่าล่า คืออะไร?

อัปเดตเมื่อ 29 ต.ค. 2564


ความจริงแล้วหม่าล่าไม่ใช่อาหาร แต่เป็นรสชาติ มาจากการรวมตัวอักษรจีน 2 ตัว คือ

หม่า คือ การทำให้ชา

ล่า คือ เผ็ดฉุน


ประวัติของหม่าล่า

ต้นกำเนิดที่ชัดเจนของหม่าล่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่าเริ่มต้นจากเมื่อใดและที่ใด แต่มีแหล่งข้อมูลหลายแห่งระบุว่า น่าจะเริ่มต้นมาจากตลาดกลางคืน ที่ครัวของท่าเรือในนครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 ด้วยรสชาติที่เข้มข้น เผ็ดร้อน ให้ความรู้สึกอบอุ่น และชั้นน้ำมันหนาที่ช่วยถนอมอาหาร รวมถึงช่วยกำจัดกลิ่นคาวที่ไม่พึงประสงค์ของอาหารที่มีราคาถูกหรือกลิ่นสาบของเนื้อสัตว์ เช่น เลือดที่แข็งตัว กระเพาะและไตของเนื้อสัตว์ ทำให้มีการนำซอสหม่าล่ามาทำอาหารให้กับคนงานในท่าเรือนั่นเอง


ความเผ็ดของหม่าล่า มาจากไหน

ความเผ็ดนั้นมาจากพริกไทยเสฉวน (Sichuan Peppercorn) หรือฮวาเจียว (huājiāo) มีรูปร่างคล้ายกับพริกไทย และรสชาติคล้ายกับมะแขว่นในบ้านเรา ผสมกับเครื่องเทศอีกหลายชนิด นำมาคั่วกับน้ำมันจนกลายเป็นซอสหม่าล่า เป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญของอาหารจีนเสฉวน โดยเฉพาะอาหารของนครฉงชิ่ง ต่อมาได้แพร่หลายออกไปตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศจีน จนในที่สุดก็ได้กระจายความนิยมออกมาสู่ประเทศไทยบ้านเราด้วย



ซอสหม่าล่า ถูกนำมาใช้ในการปรุงอาหารมากมายหลากหลายวิธี ตั้งแต่ ผัด ต้ม ตุ๋น ซุป หม้อไฟหรือหม้อจุ่ม หรือทำเป็นน้ำจิ้ม และในมณฑลเสฉวนและยูนนาน จะมีผงหม่าล่า (málàfĕn) สำหรับปรุงรสอาหารที่เอาไว้โรยบนขนมของว่างหรืออาหารข้างทางต่าง ๆ เช่น เต้าหู้เหม็น มันฝรั่งทอด และบาร์บีคิวเนื้อและผักเสียบไม้ เป็นต้น


หม่าล่า กับรสนิยมการกินของคนไทย

ความฮิตของหม่าล่าที่เข้ามามีบทบาทในวงการอาหารของเมืองไทย เริ่มต้นมาจากภาคเหนือค่ะ จังหวัดเชียงใหม่ถือว่าเป็นจังหวัดแรก ๆ เลยที่รับเอาวัฒนธรรมหม่าล่าเข้ามา ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของปิ้งย่าง เช่น เนื้อสัตว์และผักเสียบไม้ย่างแล้วโรยผงหม่าล่าเพิ่มความเผ็ดร้อน และในปัจจุบันได้กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย ประยุกต์ให้มีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ชาบู สุกี้ หม้อไฟ และอาหารจานเดียวต่าง ๆ เพราะหม่าล่านั้นสามารถทำมาปรุงอาหารได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ทอด ปิ้งย่าง หม้อจุ่ม ที่เห็นบ่อยและนิยมกันในบ้านเรา ได้แก่

  • ใช้ซอสทาให้ชุ่มบนเนื้อสัตว์และผักเสียบไม้ย่าง และอาจจะโรยผงหม่าล่าอีกรอบ เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้นขึ้น

  • ใช้เป็นส่วนผสมของน้ำซุปหม่าล่าในร้านชาบู

หม่าล่า จัดว่าเป็นอาหารที่มีรสชาติที่ถูกปากคนไทยซึ่งชอบอาหารรสจัดจ้านเป็นอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้รับความนิยมและฮิตติดตลาดได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ นอกจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังสามารถนำไปประยุกต์กับอาหารประเภทอื่น ๆ ได้อย่างอิสระ ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ อาจจะมีพิซซ่าหน้าหม่าล่า หรือก๋วยเตี๋ยวต้มยำหม่าล่า ก็เป็นได้นะ


ข้อมูลจาก

innnews



ดู 3 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page